วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัดป่าเขาโต๊ะ


            

วัดป่าเขาโต๊ะแห่งนี้ เป็นสถานที่เงียบสงบร่มเย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานวัดนี้ตั้งชื่อตามก้อนหินทรายที่มีลักษณะคล้ายโต๊ะ ซึ่งมีอยู่รอบบริเวณวัด มีพระภิกษุวสันต์ วังคีโส ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูพนมศีลาจารย์ จากเหตุการปะทะกันที่ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม วัดดังกล่าวอยู่ใกล้ปราสาทตาควายเพียง 3 กิโลเมตร ยังมีมีพระสงฆ์อีกจำนวนหนึ่งที่ยังคงตัดสินใจที่จะจำวัดที่วัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ว่าในแต่ละวันการสู้รบกันจะมีการยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าหากันดังสนั่นมาถึงวัด และในขณะนี้ก็ยังคงงดออกบิณฑบาต เนื่องจากว่าไม่มีชาวบ้านอยู่ที่บ้าน อีกทั้งต้องเสี่ยงกับกระสุนจากการปะทะข้ามเข้ามาตกในพื้นที่ เช่นที่วัดเขาโต๊ะ จ.สุรินทร์ พระครูพนมศิลาจารย์ เจ้าอาวาสวัด พร้อมพระลูกวัดอีก 4 รูป ยังคงจำวัดอยู่ที่วัดดังกล่าวไม่ยอมอพยพออก นอกจากนี้พระพนมศิลาจารย์ ยังใช้ความเชื่อและความศรัทธาเป็นอาวุธป้องกันป่า โดยอาศัยประเพณีทางศาสนา และพิธีกรรม เช่นการสร้างพระพุทธรูปปรางค์ปฐมเทศนาบนบ่อน้ำทิพย์ การแกะสลักรูปพระพุทธรูปตามโขดหิน และใช้ป่าเป็นสถานปฎิบัติธรรม ที่วัดป่าเขาโต๊ะ แห่งนี้ ในแต่ละวันจะมีทหารไทยที่ผลัดเปลี่ยนกำลังออกจากการปฏิบัติงานในแนวหน้าบริเวณชายแดนปราสาทตาควาย ได้เดินทางมากราบไหว้ ขอพรจากพระครูพนม ศีลาจารย์ และรับเครื่องรางของขลัง ติดตัวไว้เพื่อกราบไหว้บูชาอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ทางวัดป่าเขาโต๊ะได้จัดตั้งโรงทาน มีบรรดาญาติโยม ผู้รักษาชาติ รักแผ่นดิน มีจิตใจเป็นกุศล ได้มาตั้งโรงทานประกอบอาหาร นำน้ำดื่ม และเครื่องดื่มชูกำลัง มาคอยเลี้ยงทหารไทยที่ปฏิบัติงานตามสนามรบชายแดน ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตลอดทั้งวันด้วย สิ่งที่เห็นกับสภาพวัด โดยรอบทั่วไปมองว่าร่มรื่นเงียบ ต้นไม้ใหญ่มากมาย ท่ามกลางความสงบ เสียงลมพัดเบาๆที่ผ่านมา ไม่ได้ดูน่ากลัวนัก กับป้ายใหญ่ๆ ที่เป็นจุดหมายอุทยานการศึกษาวัดเขาโต๊ะกับป้ายหินใหญ่ๆ ที่ดูตระหง่าน แนววัชพืช..ที่รายแนวบ้าง เส้นทางเดินสู่พระพุทธศาสนา ใครจะรู้ได้บ้างว่านี่คือ สถานที่แห่งธรรมมะ ที่..อยู่ภายใต้ความกดดันรายรอบ สภาพศาลาที่มีสภาพพังทลายจากแรงระเบิดเมื่อเกิดการปะทะกัน หลังคาศาลาไม่มีมีแต่สแลมสีดำๆ กั้นเป็นแนวให้ร่มนิดหน่อยจากชายคา หน้าฝนคงเปียกปอนอย่างหามิได้ องค์พระ และอื่นๆ วางอย่างละมุม ซากที่เห็นยังคงเป็นที่ๆ พระสงฆ์ได้ใช้ในกิจวัตรประจำวัน ได้ทำบุญถวายอาหารพร้อมชาวบ้านที่นั่นที่ไม่ได้มามากนักเพราะตลอดรายทางชาวบ้านได้ย้ายกันออกไปบ้าง เหลือแต่เทือกสวนไร่ยางบ้าง.. สัมผัสที่ได้รับรู้สึกเบาๆ อย่างจรรโลงใจ..หลัุงถวายอาหารเช้าแล้วเดินไปรอบๆวัด พบซากระเบิดที่อยู่บนก้อนหิน น้องพาเดินไปดุที่ต่างๆ แต่ท้องเริ่มร้องแล้วยังต้องมีภาระกิจกับที่วัดอีกมาก อาหารที่แม่ชีจัดหาให้ เราทานพร้อมนายทหารประจำการที่นี่ที่แวะเวียนมาที่วัดสม่ำเสมอ เปรียบเหมือนที่พักทางใจ และกายในบางครั้ง.. อาหารไม่ได้วิลิศมาราเหมือนในเมืองใหญ่..แต่การทานพร้อมกันกับลูกวัด ชาวบ้าน เพื่อนๆ ที่พร้อมใจกันมา...ให้ได้เห็นกับตา และความรู้สึกเงียบๆครั้งนี้.. บอกไม่ได้เลย..ว่าที่นี่คือที่พักพิงอันยิ่งใหญ่ของประชาชนคนไทยอีกฟากหนึ่งของสังคม...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น